วันพุธที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2559

คำศัพท์ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับเวลา

English Vocabulary about Time

คำศัพท์ วลี และประโยคบอกเวลาภาษาอังกฤษ เช่น วัน เดือน ปี ช่วยให้ผู้เรียนสามารถใช้ภาษาอังกฤษและออก เสียงได้อย่างถูกต้องตามแบบเจ้าของภาษา
1. Minuteนาที
2. Secondวินาที
3. Hourชั่วโมง
4. Dayวัน
5. Weekสัปดาห์
6. Monthเดือน
7. Yearปี   
8. Decade  ทศวรรษ
ภาษาอังกฤษ หรือ ภาษาอังกฤษใหม่ เป็นภาษาในกลุ่มภาษาเจอร์แมนิกตะวันตกที่ใช้ครั้งแรกในอังกฤษสมัยต้นยุคกลาง และปัจจุบันเป็นภาษาที่ใช้กันแพร่หลายที่สุดในโลก[3] ประชากรส่วนใหญ่ในหลายประเทศ รวมทั้ง สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกาแคนาดา ออสเตรเลีย ไอร์แลนด์ นิวซีแลนด์ และประเทศในแคริบเบียน พูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่หนึ่ง ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ที่มีผู้พูดมากที่สุดเป็นอันดับสามของโลก รองจากภาษาจีนกลางและภาษาสเปน[4] มักมีผู้เรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองอย่างกว้างขวาง และภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการของสหภาพยุโรป หลายประเทศเครือจักรภพแห่งชาติ และสหประชาชาติ ตลอดจนองค์การระดับโลกหลายองค์การ

การทักทายและบอกลา

How are things?
How is it going?
เป็นไงบ้าง?
How's life?ชีวิตเป็นไงบ้าง?
Long time no see!ไม่เจอกันนานเลยนะ!
What are you up to?
What have you been up to?
ทำอะไรอยู่เหรอ?
See you soon!เจอกันเร็วๆนี้นะ!
See you later!ไว้เจอกันทีหลังนะ!
Till next time!เจอกันคราวหน้านะ!
Good luck!โชคดีล่ะ!
Take care!ดูแลตัวเองด้วย!
Talk to you later!ไว้คุยกันทีหลังนะ!
Until we meet again!แล้วพบกันใหม่นะ!
ใช้เล่าเหตุการณ์ในอดีต ที่จะระบุเวลากำกับ หรือรู้กันดีว่ามันเกิดในอดีตนะ

เล่าเหตุการณ์ที่มีเวลากำกับ คำกำกับเวลาที่พบบ่อย ได้แก่
– yesterday  เย็สเตอเด  เมื่อวาน
– last + เวลา/ วัน/ สัปดาห์/ เดือน/ฤดู/  ปี เช่น
last hour ลาสท เอาเวอะ ชั่วโมงที่แล้ว
last night ลาสทไนท คืนที่แล้ว
last Monday ลาสท มันเด จันทร์ที่แล้ว  last Tuesday อังคารที่แล้ว……
last month ลาสท มันธ เดือนที่แล้ว
last Christmas ลาสท คริสมัส คริสต์มาสที่แล้ว
last Summer ลาสท ซัมเมอะ หน้าร้อนที่แล้วLast winter ลาสท วินเทอะ หน้าหนาวที่แล้ว
last year ลาสท เยีย ปีที่แล้ว
– วินาที / นาที/ ชั่วโมง/ วัน/ สัปดาห์/ เดือน/ ปี + ago เช่น
ten seconds ago เท็น เซเคินส อะโก สิบวินาทีที่แล้ว
Five minutes ago ไฟฟ มินนิทส อะโก ห้านาทีที่แล้ว
Three day ago ธรีเดส อะโก สามวันที่แล้ว
Two weeks ago สองสัปดาห์ที่แล้ว
one month ago หนึ่งเดือนที่แล้ว (เท่ากับ last month)
four years agoฟอเยียส อะโก สี่ปีที่แล้วIsaw Jane at the bank yesterday. ฉันพบเจนที่ธนาคารเมื่อวานI went to Jim’s partylastnight. ฉันไปงานเลี้ยงของจิมคืนที่แล้วWe studied math last Friday. พวกเราเรียนคณิตวันศุกร์ที่แล้วHe bought a radiolast month. เขาซื้อวิทยุเดือนที่แล้ว
Past Simple Tense (Tense อดีตธรรมดา)

Past  พาสท= อดีต

Simple  ซิ๊มเพิล = ธรรมดา

 หลักการใช้

Past Simple Tense ถือว่าง่ายที่สุดเลยเพราะประธานทุกตัวใช้กริยาช่องสองเหมือนกัน (เว้น wasใช้กับประธานเอกพจน์, were ใช้กับประธานพหูพจน์) ให้จำหลักสำคัญของ Tense นี้ไว้ว่า เป็นการเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีต และก็จบลงไปแล้วด้วย ไม่เกี่ยวข้องกับปัจจุบัน


Verb เมื่อเราแบ่งตามหน้าที่สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท1. สกรรมกริยา (Transitive Verb)

คือกริยาที่ไม่สามารถทำให้ประโยคสมบูรณ์ได้ด้วยตัวของมันเอง จำเป็นต้องมีกรรม หรือวลีอื่นมารองรับ
เช่น open, read, become, look, show, lie, cleans, give, kick และอีกเยอะแยะมากมายครับ หากยกตัวอย่างวันนี้ไม่จบบทแน่ครับ

  • Shall I close the window?
ผมปิดหน้าต่างได้ไหม? (ถ้ากริยา“ปิด”นี้ ไม่มีกรรมมารองรับ จะกลายเป็น ผมปิด? อ้าว! ปิดอะไรละครับ งงเลยละสิ
หลักการใช้ Past Continuous Tense ถือว่าค่อนข้างซับซ้อนนิดหนึ่งตรงที่ถ้ามีสองเหตุการณ์ในอดีตซ้อนกันอยู่ ซึ่งผู้เรียนต้องจดจำให้ได้ว่าสองเหตุการณ์ที่ว่านั้น เหตุการณ์ไหนใช้ tense อะไร และมีข้อสังเกตอย่างไร

Past Continuous Tense (Tense อดีตกำลังทำ)

Past  พาสท= อดีต

Continuous คอนทินิวอัส = ต่อเนื่อง

คำว่า was, were คือ ช่องที่ 2 ของ verb to be (is, am, are)

was อ่านว่า เวิส มาจาก is

were อ่านว่า เวอ มาจาก are
Subject  (ประธาน) + had + Past participle

*Past participle คือ กริยาช่องที่ 3 ที่เราชอบเรียกกันนั่นแหละค่ะ แต่ชื่ออย่างเป็นทางการและที่เจ้าของภาษาเค้ารู้จักคือ Past particle

โครงสร้างประโยคSubjecthadPast participle (กริยาช่องที่ 3)ประโยคบอกเล่าI/You/We/They

He/She/It

hadbeen to Rome.โครงสร้างประโยคSubjecthadnot/neverPast participle

(กริยาช่องที่ 3)

ประโยคปฏิเสธI/You/We/They

He/She/It

hadnotbeen to Rome. neverโครงสร้างประโยคHadSubjectPast participle

(กริยาช่องที่ 3)

ประโยคคำถามHadI/you/we/they

he/she/it

been to Rome?โครงสร้างประโยคWh questionshadSubjectPast participle

(กริยาช่องที่ 3)

ประโยคคำถาม Wh-WhyhadI/you/we/they

he/she/it

been to Rome?When
มาดูเคล็ดลับภาษาอังกฤษพื้นฐาน เรื่องการใช้ Adjectives (Adj.) และ Adverbs (Adv.) ที่หลายคนคิดว่าง่ายๆและมองข้ามไปหรือหลายคนอาจจะยังไม่เข้าใจซะทีเดียว ดังนั้น เรามาทำความเข้าใจ เคล็ด (ไม่) ลับกับ การใช้ Adjectives และ Adverbs
พูดถึง Adjectives ตัวอย่างภาษาไทยเช่นคำว่า รวย สวย เหม็น สง่า หล่อ เป็นคำแสดงคุณลักษณะคุณสมบัติต่างๆที่ขยายคำนาม ดังนั้นตำแหน่งของ Adj. จะอยู่ดังนี้
Adj. จะอยู่หน้า Noun
Adj. จะอยู่หลัง Verb to Be [V. to Be   ได้แก่คำว่า is, am, are, was, were,be,been เป็นต้น]
1. “Twenty-four Seven”  สำนวนนี้หมายความว่าอะไร เนื่องจากหนึ่งวันมี 24 ชั่วโมง และหนึ่งอาทิตย์ก็มี 7 วัน สำนวนนี้จึงมีความหมายว่า “ตลอดเวลา ทุกๆนาทีของทุกๆวัน” ค่ะ

2.  “Get the ball rolling” ความหมายของสำนวนนี้ก็คือ “เริ่มทำอะไรสักอย่าง” แค่จำไว้ว่า “Let’s get the ball rolling” ความหมายเท่ากับ “Let’s start now-เราเริ่มกันเถอะ”

3. “Take it easy”  ถ้ามีคนพูดกับคุณว่า “I don’t have any plans this weekend.  I think I’ll take it easy.” ความหมายของสำนวนนี้ก็คือ “ผ่อนคลาย” หรือ “พักผ่อน” ค่ะ สำนวนนี้ก็เข้าใจง่ายเหมือนกันค่ะ “I’m going to take it easy.” ความหมายก็คือ “I’m going to relax.-ฉันจะพักผ่อนสักหน่อย”